อันโตนิโอ คอนเต้ พา “งูใหญ่” อินเตอร์ มิลาน คว้าแชมป์กัลโช เซเรียอา ฤดูกาล 2020-21 ไปครองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากทีมอันดับ 2 อตาลันตา ทำได้เพียงแค่เสมอซัสซูโอโล 1-1 ในการแข่งขันเมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 พฤกษภาคมที่ผ่านมา
อตาลันตา มีแต้มตามหลัง อินเตอร์ 13 แต้มในขณะที่เหลือเกมอีกเพียง 4 นัด จึงทำให้ “งูใหญ่” คว้าแชมป์ไปครองเป็นที่แน่นอนแล้ว เป็นการกลับมาคว้าแชมป์ลีกอิตาลีเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี และเป็นการคว้าแชมป์สคูเด็ตโต้เป็นสมัยที่ 19
ครั้งสุดท้ายที่ทีมอินเตอร์ มิลาน ได้แชมป์ลีกมาครองก็ตั้งแต่ในยุคของโจเซ่ มูรินโญ ซึ่งได้ทั้งแชมป์เซเรีย อา และแชมป์ยูฟา แชมเปียนส์ลีกในปี 2010
และนับเป็นความสำเร็จอีกครั้งของอันโตนิโอ คอนโต้ ซึ่งทำสถิติคว้าแชมป์กัลโช เซเรียอา เป็นสมัยที่ 4 หลังจากคว้าแชมป์ 3 สมัยกับทีม “ม้าลาย” ยูเวนตุส ในช่วงระหว่างปี 2011-2014 นอกจากนั้นยังเคยพาเชลซีคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในปี 2017 อีกด้วย
พลังแห่งคอนเต้
ความสำเร็จในฤดูกาลนี้ของ “งูใหญ่” ต้องยกเครดิตให้กับการทำงานหนักของคอนเต้อย่างแท้จริง ก่อนหน้านี้เขาคือผู้เล่นคนสำคัญของยูเว่ ผ่านการลงเล่นมาถึง 296 นัด ส่วนการเป็นผู้จัดการทีมเริ่มต้นกับอเรซโซ เมื่อปี 2006 แล้วค่อยๆ ไต่เต้ากับอีกหลายสโมสร ก่อนขึ้นมาเป็นกุนซือ “ม้าลาย” ในปี 2016 หลังจากย้ายไปคุมทีมชาติอิตาลี ตามมาด้วยเชลซี แล้วจึงย้ายกลับมาอยู่ในบ้านเกิดด้วยการคุมทีมอินเตอร์ มิลาน
จุยเซ็ปเป้ มาร็อตต้า ประธานฝ่ายบริหารของอินเตอร์ประทับใจฝีมือของคอนเต้มานานแล้ว และเมื่อเชลซีปลดเขาพ้นจากตำแหน่ง มาร็อตต้าจึงทาบตัวมาร่วมงานด้วยทันที และฤดูกาลแรกที่คุมทีมพาทีมเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศยูโรปา ลีกและการตัดสินใจเลือกซื้อนักเตะมาร่วมทีมของคอนเต้คือเงื่อนไขสำคัญของความสำเร็จในฤดูกาลนี้
อิทธิฤทธิ์ “ลูลา”
แต่เดิมจุดแข็งของอินเตอร์ มิลาน ก็คือ แนวรับที่เหนียวแน่น เสียประตูยาก แต่สิ่งที่คอนเต้เติมเข้ามาก็คือความเฉียบคมในแนวรุก ได้วิงแบ็กจอมบุกอย่างฮาคิมี มาจากเรอัล มาดริด ได้ อเล็กซิส ซานเชซ และ คริสเตียน อีริกเซ่น มาเสริมแผงห้องเครื่อง
และที่เด็ดขาดที่สุดก็คือการประสานงานอย่างลงตัวในแดนหน้าระหว่าง โรเมโล ลูกากู และ เลาตาโร มาร์ติเนซ ซึ่งนักข่าวอิตาลีเรียกทั้งคู่ว่า “ลูลา”
ยูเว่ซื้อตัวลูกากูมาจากแมนฯยูเมื่อปี 2019 ด้วยค่าตัวราว 90 ล้านยูโร ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ว่าค่าตัวแพงเกินไป แต่ฤดูกาลที่แล้วเขาก็สยบเสียงวิจารณ์ด้วยการยิงไป 34 ประตูในทุกรายการ
ฤดูกาลนี้ หัวหอกทีมชาติเบลเยียมยิงไป 27 ประตู และนับเฉพาะในบอลลีกยิงไป 21 ประตูและทำอีก 9 แอสซิสต์และเมื่อรวมกับผลงานของมาร์ติเนซ ทั้งคู่ยิงประตูรวมกันได้ถึง 44 ประตู
“ผมคิดว่า ลูกากู พิสูจน์ตัวเองได้ดีมาก เขาทำงานหนักและมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ และที่ประทับใจผมที่สุดกคือพัฒนาการเล่นของเขามันน่าทึ่งมาก และตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าเขาจะเล่นได้ดียิ่งขึ้นไปอีก” กุนซือยูเวนตุส กล่าวชื่นชม
เกมรับแกร่งทั่วแผ่น
“งูใหญ่” ในยุคของคอนเต้เล่นในระบบ 3-5-2 และผ่านลงเล่นไปแล้ว 34 เกมเสียไปเพียง 29 ประตูเท่านั้น สเตฟาน เดอฟราย,มิลาน สคริเนียร์ และ อเลสซานโดร บาสโตนี เล่นกันได้อย่างรู้ใจ และที่ยืนหลังสามปราการหลังก็คือ ซาเมียร์ ฮันดาโนเวียร์ นายทวารประสบการณ์สูง
“ผมเคยสร้าง โบนุชชี,บาร์ซาญี และ คิเอลลินี เป็นปราการหลังสุดแกร่งของยูเวนตุสมาก่อน และตอนนี้ผมทำมันอีกครั้งกับอินเตอร์”
เมื่อองค์ประกอบของทีมครบเครื่องไล่ไปตั้งแต่ผู้จัดการทีม นักเตะ แผนการเล่น และวิสัยทัศน์ของผู้บริหารสโมสรจึงไม่แปลกเลยที่ อินเตอร์ มิลาน จะกลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง
คิดอย่างนั้นมั้ยครับ