จับตาบิ๊กโฟร์ใครจะเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก !!
วันที่ : 05 Jan 2021 ดู :

จับตาบิ๊กโฟร์ใครจะเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก !!

ขึ้นปี 2021 ได้ไม่กี่วัน สถานการณ์ลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกก็ทำท่าจะเปลี่ยนแปลงทันที เมื่อ “หงส์แดง”  Liverpool ออกไปพลาดท่าพ่าย “นักบุญ” Southampton 0-1 ประตู แม้จะยังเป็นจ่าฝูงอยู่แต่มีแต้มเท่ากับ Manchester United แถมยังแข่งมากกว่า 1 นัดอีกด้วย

                Danny Ings อดีตดาวยิงของ “หงส์แดง” เป็นคนทำประตูชัยให้ Southampton และใช้เวลาเพียง 1.51 นาทีก็ทำประตูได้ และเป็นการทำประตูที่ 50 ในพรีเมียร์ลีกอีกด้วย และเมื่อนับจากต้นฤดูกาลที่แล้วเขายิงไปได้ 26 ประตูโดยไม่มีการยิงจุดโทษเลย นับเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ยอดเยี่ยมในพรีเมียร์ลีกยุคนี้

                ในขณะที่ Ings เป็นผู้ชนะอย่างแท้จริง ผู้แพ้ในทีม “หงส์แดง” คงไม่มีใครเกิน Trent AlexanderArnold แบ็กขวาทีมชาติอังกฤษที่เล่นผิดพลาดจนทำให้ทีมเสียประตูเดียวในเกมนี้ และตลอดเกมก็ทำสถิติเสียบอลถึง  38 ครั้ง เป็นอันดับที่ 16 ในสถิติในพรีเมียร์ลีก

                สถิติน่าผิดหวังอีกอย่างในเกมนี้ก็คือ Liverpool ยิงเข้าเป้าเพียงครั้งเดียว น้อยกว่า Ings ที่มีโอกาสยิงถึง 2 ครั้ง (และเป็น 1 ประตู)

                ถึงตอนนี้ลองมาส่องดูสิว่าสำหรับเส้นทางลุ้นแชมป์ของพรีเมียร์จะมีใครบ้างที่มีสิทธิ์เข้าป้าย เพราะตอนนี้สถานการณ์คู่คี่เหลือเกิน จนยากจะมองว่าใครจะเข้าวิน

  1. Liverpool

“หงส์แดง” มีดีกรีเป็นแชมป์เก่า และสถานการณ์ในตอนนี้มี 33 แต้มจาก 17 นัดนำเป็นจ่าฝูงอยู่ ขุมกำลังก็ถือว่าแกร่งทั่วแผ่น แถมมีกุนซือมือฉมังอย่าง Jürgen Klopp คุมทีมอยู่สามารถพลิกสถานการณ์ได้ตลอดเวลา และ Mohammed Salah กองหน้าทีมชาติอียิปต์ก็ยืนยันแล้วว่าจะอยู่ในถิ่น Anfield ต่อไป

                ปัญหาอย่างเดียวของยอดทีมจากถิ่น Merseyside ก็คือในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็ก เพราะทั้ง “Virgil van DijkJoe Gomez” บาดเจ็บยาวหมดสิทธิ์ช่วยทีมในฤดูกาลนี้ Fabinho หรือแม้แต่ Jordan Henderson แม้จะเล่นในตำแหน่งนี้ได้ดี แต่ก็ไม่ใช่กองหลังอาชีพ การแก้ไขปัญหาก็คือซื้อกองหลังเข้ามาเพิ่มในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะเปิดขึ้นอีกครั้ง

  • Manchester United         

หลังจากออกสตาร์ตฤดูกาลอย่างย่ำแย่ การเล่นที่ไม่ลงตัวทำให้สถานการณ์ของ “Ole Gunnar Solskjær” ไม่มั่นคงทำท่าจะโดนปลดอยู่หลายรอบ แต่ผลงานยามเล่นเป็นทีมเยือนอันเยี่ยมยอด และการมี Bruno Fernandes เป็นจอมทัพที่ทำได้ทั้งยิงประตู-แอสซิสต์ ทำให้ตอนนี้ “ผีแดง” กลายเป็นทีมที่เขย่าบัลลังก์แชมป์ของ Liverpool อย่างเต็มตัว นับตั้งแต่ 1 พ.ย. ที่ผ่านมา Manchester United มีสถิติชนะถึง 8 ใน 10 เกมในลีก

                ปัญหาอย่างเดียวก็คือ “Bruno” เป็นนักเตะที่ทีมขาดไม่ได้ไปเสียแล้ว เพลย์เมคเกอร์ชาวโปรตุกีสลงเล่นเกือบทุกนัด และเมื่อนัดไหนบาดเจ็บหรือเป็นตัวสำรองเกมรุกของทีมจะด้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ปัญหาก็คือ Bruno Fernandes จะสามารถลงเล่นได้ทุกนัดที่เหลือในฤดูกาลได้หรือไม่

3. Tottenham Hotspur

                “ไก่เดือยทอง” ไม่ประสบความสำเร็จคว้าแชมป์รายการใหญ่มาหลายปีแล้ว แต่การเข้ามาของ José Mourinho เปลี่ยนแปลงทุกอย่าง Tottenham Hotspur ไม่ใช่ทีมที่เล่นเกมน่าเบื่อต่อไป เกมมีความสมดุลมากขึ้นทั้งรุกและรับ และมีจุดแข็งในแนวรุกคือการประสานงานระหว่าง Harry Kane กับ Son Heung Min ซึ่งช่วยกันยิงช่วยกันจ่ายจนกลายเป็นสถิติทำประตูที่น่าทึ่ง

                ปัญหาของ “ไก่เดือยทอง” ก็คือ ขุมกำลังสำรองที่ไม่แข็งแกร่งเพียงพอ เมื่อนัดไหน José Mourinho ถอดตัวจริงแล้วใส่ตัวสำรอง ผลการแข่งขันมักเกิดพลิกผันได้อย่างเหลือเชื่อ และหากต้องการลุ้นแชมป์ไปจนถึงโค้งสุดท้ายก็ต้องภาวนาให้ Kane กับ Son Heung Min เจ็บไปเสียก่อนด้วย

  • Manchester City

                “เรือใบสีฟ้า” เริ่มต้นฤดูกาลอย่างกระท่อนกระแท่น แนวรับก็อ่อนยวบ แต่ Pep Guardiola ทำงานอย่างใจเย็น แนวรับได้ Rúben Dias กับ John Stones ที่เข้าขากันเป็นอย่างดี แถมยังมี Aymeric Laporte เป็นตัวสอดแทรกอีก

                ในเกมที่บุกไปเอาชนะ Chelsea 3-0 ถึงถิ่น Stamford Bridge เป็นเกมที่ดีที่สุดของ Manchester City ในฤดูกาลนี้ ครองบอล ต่อบอลทำเกมรุกได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งๆ ที่ไม่มีกองหน้าตัวเป้าอยู่ในทีมเลย เป็นฟอร์มที่พร้อมจะกลับมาลุ้นแชมป์อีกครั้งอย่างแท้จริง

                ปัญหาอย่างเดียวของ “เรือใบสีฟ้า” ในตอนนี้ก็คือผลงานยิงประตูที่ตกต่ำอย่างน่าใจหาย โดยฤดูกาลนี้เพิ่งทำไปได้ 24 ประตูเท่ากับ West Ham และเป็นรองทีมอย่าง Southampton, Everton หรือแม้แต่น้องใหม่อย่าง Leeds United หวังว่าการกลับมาลงเล่นอีกครั้งของ Sergio “Kun” Agüero จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ

                เส้นทางลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2020-21 นับว่าเข้มข้นยิ่งนัก

SportLight © 2020 All rights reserved. ขอสงวนลิขสิทธิ์เนื้อหา ห้ามนำไปเผยแพร่, แก้ไขหรือทำซ้ำ โดยไม่รับการอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก SportLight