หลังการเจรจายืดเยื้อมาอย่างยาวนาน Sadio Mane กองหน้าทีมชาติเซเนกัลก็ได้ย้ายไปร่วมทีม Bayern Munich ด้วยค่าตัว 35 ล้านปอนด์
การย้ายทีมครั้งนี้ก็น่าจะดีกับทุกฝ่ายแล้ว Liverpool ได้ค่าตัวที่เหมาะสม และตอนนี้ก็ได้กองหน้าใหม่เข้ามาเสริมทีม ส่วนหัวหอกทีมชาติเซเนกัลก็ได้เซ็นสัญญา 3 ปีกับสโมรที่อยากย้ายไปร่วมทีม ได้ค่าเหนื่อยมากกว่าที่เคยได้รับมาตลอดชีวิต
และตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ค้าแข้งในถิ่น Anfield มีผลงานยิงไปทั้งหมดได้ถึง120 ประตู และได้แชมป์ 6 รายการ ซึ่งรวมถึงแชมป์รายการใหญ่อย่าง Champions League และ Premier League ซึ่งถือว่าเป็นผลงานที่น่าประทับใจ
เป็นนักเตะระดับตำนานอีกคนของ “หงส์แดง” แน่นอน
อย่างไรก็ตาม Sadio Mane ก็มีงานหนักรออยู่และต้องรับมือกับความท้าทายครั้งใหม่ เพราะ Bayern Munich ก็ลงทุนเพื่อซื้อความสำเร็จด้วยเช่นกัน เป้าหมายคงไม่ได้อยู่เพียงแค่ Bundesliga เท่านั้น แต่ต้องการลุ้นแชมป์ Champions League ด้วย
Julian Nagelsmann กุนซือหนุ่มของ “เสือใต้” ประทับใจฟอร์มของหัวหอกทีมชาติเซเนกัลมานานแล้ว เพราะต้องการได้กองหน้าที่เล่นได้หลากหลายตำแหน่ง และ Mane สามารถเล่นได้ราว 4-5 ตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็นกองหน้าตัวริมเส้น ศูนย์หน้าตัวเป้า หรือถอยมาเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ก็ยังได้
และที่สำคัญก็คือประสบการณ์ทั้งในการเล่นในอังกฤษและใน Champions League จะเป็นประโยชน์ต่อนักเตะหนุ่มในทีมอย่างมาก
การเล่นของ Mane ต้องใช้พลังมาก และที่ผ่านมาก็แสดงให้เห็นว่าสภาพร่างกายแข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อ และเป็นสไตล์ที่ Nagelsmann ชื่นชอบมานานแล้ว เขาต้องการได้กองหน้าที่มีสภาพร่างกายสมบูรณ์เต็มที่ ฟิตเต็มร้อย นอกจากทำผลงานในเกมรุกแล้วยังสามารถถอยตัวเองมาช่วยเกมรับในบางจังหวะด้วย
Bayern Munich มีผู้เล่นริมเส้นได้ดีหลายคนไม่ว่าจะเป็น Leroy Sane, Serge Gnabry และ Kingsley Coman และเชื่อว่านักเตะเหล่านี้จะได้เรียนรู้จาก Mane มากขึ้น โดยเฉพาะในแง่ของความหลากหลายในการเล่น และการจบสกอร์ที่มีประสิทธิภาพ
ฤดูกาลที่ผ่านมา Nagelsmann เห็นปัญหาของทีมในศึก Champions League ที่ไปได้แค่รอบก่อนรองชนะเลิศเท่านั้น
“เราตกรอบทั้ง German Cup และ Champions League ไม่ใช่เรื่องที่ปกตินักสำหรับ Bayern Munich เป้าหมายของเราอย่างน้อยก็คือควรเข้าถึงรอบรองชนะเลิศเป็นอย่างน้อย” กุนซือวัย 34 กล่าวถึงเป้าหมายของเขาในฤดูกาลหน้า
ระบบการเล่น 4-2-3-1 ที่เคยนำมาใช้ในฤดูกาลที่ผ่านมาก็คงต้องมีการปรับเปลี่ยนเช่นกัน Robert Lewandowski ที่เล่นเป็นหัวหอกตัวเป้าก็ไม่แน่ว่าจะอยู่ร่วมทีมต่อไปหรือไม่ ซึ่งหากดาวยิงทีมชาติโปแลนด์ย้ายทีมระบบการเล่นของทีมก็อาจจะเปลี่ยนไปเป็น 4-3-3 คล้ายกับ Liverpool ก็เป็นได้ เพราะผู้เล่นกึ่งปึกมีให้เลือกใช้งานมากมาย
อย่างไรก็ตาม ยังมีหลายอย่างที่ต้องพิจารณาเหมือนกัน เพราะดาวยิงทีมชาติเซเนกัลย้ายทีมครั้งนี้คือการย้ายไปเล่นใน Bundesliga ซึ่งไม่เหมือนการเล่นใน Premier League และอาจจะต้องปรับตัวกันพอสมควรทีเดียว
และอย่าลืมว่านักเตะที่ย้ายออกจาก “หงส์แดง” ในยุคของ Jurgen Klopp มักจะมีฟอร์มการเล่นถดถอยเสียเป็นส่วนมาก
เมื่อกุนซือชาวเยอรมันเข้ามาคุมทีม Philippe Coutinho เลือกที่จะอำลาทีมไปอยู่กับ Barcelona ด้วยค่าตัว 142 ล้านปอนด์เมื่อม.ค.2018 แต่มิดฟิลด์แซมบ้าก็ไม่เคยมีฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมเหมือนเดิมอีกเลย จนมีระยะหนึ่งต้องย้ายไปอยู่กับ Bayern Munich ด้วยสัญญายืมตัว และกลับมามีอนาคตเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาเมื่อย้ายมาอยู่กับ Aston Villa แบบยืมตัวก่อนจะได้เซ็นย้ายถาวร
Emre Can มิดฟิลด์ชาวเยอรมันก็ประสบชะตากรรมเดียวกันเมื่อตัดสินใจย้ายไปอยู่กับ Juventus หลังเสร็จศึก Champions League นัดชิงชนะเลิศเมื่อปี 2018 แต่เขาก็ได้ลงเล่นให้ “ม้าลาย” เพียงแค่ 29 นัดเท่านั้น และถูกปล่อยให้ Borussia Dortmund ไปในที่สุด
และอีกคนก็คือ Gini Wijnaldum มิดฟิลด์ทีมชาติฮอลแลนด์ที่ย้ายไปร่วมทีมเมื่อฤดูกาลที่แล้ว โดยย้ายไปอยู่กับ Paris Saint-Germain และมีโอกาสลงเล่น 22 นัดจากทั้งหมด 38 เกมในลีก และดูเหมือนว่าจะกลายเป็นส่วนเกินในทีมไปเสียแล้ว
Sadio Mane จึงมีด่านหินที่ต้องฝ่าไปให้ได้เช่นเดียวกัน