รุด ฟาน นิสเตลรอย อดีตเพชฌฆาตหน้าม้าระดับตำนานของทีมชาติฮอลแลนด์ และสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้สร้างชื่อและสถาปนาตนเองขึ้นมาเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดของโลกตั้งแต่ปี 2000 – 2006 เป็นต้นมา เขาประสบความสำเร็จในระดับสูงร่วมกับ พีเอสวี ไอโฮเฟ่น สโมสรชื่อดังในประเทศบ้านเกิด ก่อนย้ายมาเป็นเอกเทศร่วมกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
ในปี1998 ด้วยวัยเพียง 22 ปีของ “พี่ม้า” ถล่มประตูได้ 13 ประตูจากการลงสนาม 30 นัดให้กับฮีเรนวีน ด้วยฟอร์มการเล่นที่หาตัวจับได้ยาก ทำให้ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ยอดทีมดังในลีกดัตส์ ตัดสินใจทุ่มเงินกว่า 5 ล้านยูโร (175 ล้านบาท) ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงมากในเวลานั้น และ “รุด” ก็ไม่ทำให้บอร์ดของ พีเอสวี ต้องผิดหวัง เมื่อเขาตอบแทนด้วยผลงาน 62 ประตู จากการลงเล่นทั้งหมด 67 นัด ตลอด 2 ฤดูกาลกับต้นสังกัด
ด้วยฟอร์มร้อนแรงของ ฟาน นิสเตลรอย ทำให้เขาได้รับความสนใจจากสโมสรยักษ์ใหญ่ในยุโรปมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสนใจของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน สุดยอดบรมกุนซือระดับขงจื้อของทัพ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ต้องหากองหน้ารายใหม่ ที่สามารถยืนเป็นกองหน้าตัวเป้าให้กับแผนใหม่ของเขาได้ ซึ่งในเวลานั้นยูไนเต็ดมีทั้ง ดไวท์ ยอร์ค, แอนดี้ โคล, เท็ดดี้ เชอร์ริงแฮม และโอเล กุนนาร์ โซลชาร์ ก็จริง แต่กองหน้าทั้ง 4 คนของทีม ไม่มีใครที่มีความสามาถหลากหลายมากพอที่จะยืนเป็นกองหน้าตัวเป้าในรูปแบบการเล่น 4 – 5 – 1 ได้ เนื่องจาก เฟอร์กูสัน มองว่า ยูไนเต็ด จำเป็นต้องเล่นแผนใหม่ เพื่อต่อกรกับยักษ์ใหญ่ในเวทียุโรปให้ได้
จนเมื่อปี 2000 ยูไนเต็ดได้ยื่นข้อเสนอระดับ 19 ล้านปอนด์ ให้กับ พีเอสวี พิจารณาทันที และบอร์ดของยอดทีมจากแดนกังหันลมก็ตอบรับ และพร้อมที่จะปล่อย ฟาน นิสเตลรอย สู่ พรีเมียร์ลีก แต่ด้วยชะตาฟ้าลิขิตที่ดูไม่เป็นใจให้กับทั้งสองที่ยังไม่ถึงเวลาที่ต้องพบเจอกัน ทำให้ ฟาน นิสเตลรอย ถูกตรวจพบว่ามีปัญหาที่หัวเข่าอย่างรุนแรงในระหว่างที่ตรวจร่างกาย ก่อนเซ็นสัญญาย้ายทีม ด้วยเหตุที่ทำให้ เฟอร์กูสัน ได้ทำการชะลอการเซ็นสัญญากับ “พี่ม้า” ไปก่อน และพร้อมที่จะรอเขารักษาอาการบาดเจ็บให้หาย และพร้อมที่จะมอบข้อเสนอมูลค่าเท่าเดิมให้กับ พีเอสวี เมื่อนักเตะสามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้หายดี
ระหว่างการพักฟื้น ฟาน นิสเตลรอย และ เฟอร์กูสัน ก็ยังติดต่อหากันเสมอ เฟอร์กูสัน ได้สร้างความไว้วางใจและกำลังใจที่ดีในระหว่างรักษาตัวให้แก่เขาตลอดระยะเวลา 9 เดือน ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ “รุด” ซาบซึ้งใจและพร้อมที่จะรักษาตัวกลับมาเพื่อทำเรื่องย้ายทีมให้เร็วที่สุด และในวันที่ 23 เมษายน 2001 (เรอัล มาดริด) ยอดทีมมหาอำนาจลูกหนังโลก ได้ยื่นข้อเสนอที่มากกว่าทัพยูไนเต็ด เพื่อนำตัว ฟาน นิสเตลรอย มาค้าแข้งในลีกกระทิงดุ แต่ด้วยความรู้สึกดีที่เขาได้มอบไปให้กับ เฟอร์กูสัน และ ยูไนเค็ดไปอย่างสุดหัวใจ เขาได้ทำการปฏิเสธยักษ์ใหญ่จากสเปน และได้ทำตามความฝันของตัวเองเสียทีด้วยการย้ายมาเล่นให้กับสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 19 ล้านปอนด์ และทันทีที่เขาก้าวเท้าลงสู่สนาม เขาก็สามารถยิงประตูได้ในนัดแรกที่ลงสนามให้กับทีมในศึก แชร์ริตี้ ชิลด์ ทันที ถึงแม้ทีมก็ต้องพ่ายต่อ ลิเวอร์พูล ก็ตาม
ฟาน นิสเตลรอย สามารถเข้ามาเติมเต็มแผนการเล่นในรูปแบบการเล่นกองหน้าตัวเป้าได้อย่างลงตัว เขายิงประตูให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลแรกไปมากถึง 36 ประตู และตัวเลขนั้นทำให้ทุกคนทราบดีว่า เหตุใด เฟอร์กูสัน ถึงรอกองหน้าทีมชาติฮอลแลนด์ คนนี้มาอย่างยาวนาน
“รุด” ค้าแข้งให้กับ “ปีศาจแดง” ในปี 2001 – 2006 โดยเขาทำประตูได้มากถึง 150 ประตูจากการลงสนามในทุกรายการ 219 นัด ซึ่งถือว่าเป็นค่าเฉลี่ยที่สูงมากหากเทียบกับกองหน้าในอดีตของทีมทุกคน
แต่ด้วยการที่ เฟอร์กูสัน ต้องการสร้างทีมใหม่ และมี เวย์น รูนีย์ กับ คริสเตียโน โรนัลโด้ เป็นแกนหลัก ทำให้เขาถูกปล่อยตัวให้กับ เรอัล มาดริด ด้วยวัย 30 ปี เมื่อปี 2006 ด้วยค่าตัวประมาณ 10 ล้านยูโร และเขาก็ลงเล่นให้กับมาดริด 2 ฤดูกาล และสามารถทำประตูในลีกได้ถึง 46 ประตู จากการลงสนาม 68 นัด ก่อนถูกปล่อยตัวให้กับ ฮัมบูล์ก ยอดทีมดังเยอรมัน และกลับมาแขวนสตั๊ดในสเปนกับ มาลาก้า เมื่อปี 2012