เมื่อพูดถึงนักฟุตบอลหลายท่านอาจจะไปถึงฝีเท้าในการเตะเพียงอย่างเดียว แต่สำหรับนักฟุตบอลทีมชาติบราซิล พวกเขามักจะมีข้อพิเศษเพิ่มเข้ามาให้เราได้ตื่นเต้นกันอยู่เสมอ โดย เบเบโต้ ถือว่าเป็นหนึ่งในกองหน้าที่มีความครบเครื่อง ในเรื่องของลีลาการยิง และต้องบอกว่าหาตัวจับยากมาก แถม เบเบโต้ ยังเป็นเจ้าของท่าเต้นสุดคลาสสิกตลอดกาล อีกด้วย
เส้นทางการนักเตะอาชีพของ เบเบโต้ ที่แสนจะโลดโผน
เบเบโต้ ได้โอกาสเล่นให้กับหลายสโมสรทั่วยุโรป โดยได้ขึ้นชุดใหญ่กับสโมสรวิตอเรีย ในลีกบ้านเกิด จากนั้นก็ย้ายมาเล่นให้กับสโมสรฟลาเมงโก ตอนนี้เองที่ทำให้เขาได้แจ้งเกิดอย่างเป็นทางการ เพราะสามารถยิงไปได้ถึง 34 ประตู จากการลงเล่นไป 80 นัด จากนั้นก็ได้ย้ายมาเล่นให้กับสโมสรวาสโก ดา กามา ซึ่งก็สามารถคงฟอร์มที่ดีเช่นเดิมเอาไว้ ด้วยการยิงไป 25 ประตู จากการลงเล่น 53 นัด แต่ที่สามารถส่งให้ เบเบโต้ กลายเป็นดาวยิงโด่งดังไปทั่วยุโรป เป็นช่วงที่เขาย้ายมาเล่นให้กับ เดปอร์ติโบ เด ลา โกรูญาญ ในปี 1992 – 1996 สามารถยิงไปได้ถึง 86 ประตู จากการลงเล่นไป 131 นัด ถือว่าเป็นฟอร์มอันสุดยอดมาก แม้ว่าหลังจากนั้นจะย้ายไปเล่นให้ทีมต่าง ๆ มากมาย เช่น เซบีย่า, ครูไซโร, โบตาโฟโก้, โทรอส เนซา, คาชิมะ แอนท์เลอร์ส, วิตอเรีย, วาสโก ดา กามา หรือ อัล-อิตติฮัด เป็นต้น
เบเบโต้ คือหนึ่งในนักเตะที่ประสบความสำเร็จอย่างมากกับทีมชาติ
ไม่ใช่แค่เพียงในนามสโมสรเท่านั้นที่ เบเบโต้ สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม เขาถูกเรียกติดทีมชาติตั้งแต่ปี 1985 ด้วยการลงเล่นไป 75 นัด และสามารถยิง 39 ประตู เขาถือว่าเป็นกองหน้าที่ร่วมมือกับ โรมาริโอ จนพาความสำเร็จมาให้กับทีมชาติบราซิลมากมาย ไม่ว่าจะเป็น แชมป์โคปาอเมริกา ในปี 1989, แชมป์ฟุตบอลโลก ในปี 1994 และแชมป์ ฟีฟ่า คอนเฟเดอเรชันส์ คัพ ในปี 1997 ส่งผลให้ เบเบโต้ ก้าวมาเป็นตำนานบราซิลที่เหล่าแฟนบอลรักเสมอมา
ที่มาของท่าเต้นอุ้มลูกที่ทำให้ เบเบโต้ โด่งดังไปทั่วโลก
โดยปกติแล้วนักเตะแต่ละคนมักจะมีท่าดีใจหลังจากยิงประตูได้แตกต่างกันออกไป สำหรับ เบเบโต้ เขาคือต้นตำรับของท่าดีใจอุ้มลูกหรือ “rock the baby” เป็นเหตุการณ์ในช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 1994 เมื่อทีมชาติบราซิล ได้เข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ซึ่ง เบเบโต้ สามารถยิงประตูขึ้นนำเป็น 2 – 0 ส่งให้เขาสามารถเอาชนะเนเธอร์แลนด์ ได้ตลอดจบการแข่งขันที่ 3 – 2 ท่าดีใจในตำนานนี้ก็ได้กลายอีกหนึ่งภาพจำของการแข่งขันฟุตบอลโลกเลยก็ว่าได้ โดยที่มาเขาบอกว่า “เขาคิดถึงลูกที่ตอนนั้น เขาเพิงได้เป็นพ่อคนใหม่ ๆ” เลยนึกถึงท่าอุ้มลูกที่คุ้นเคยในช่วงนั้นขึ้นมานั่นเอง