ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 3 มกราคม ในเกมที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้บุกไปยัดเยียดความปราชัยให้กับเชลซีด้วยสกอร์ 3-1 ดำเนินเรื่อยมาจนถึงวันนี้ก็ผ่านไปแล้ว 6 นัดที่เรือใบสีฟ้าสามารถเก็บคลีนชีทได้ติดต่อกัน ซึ่งจากฟอร์มการเล่นโดยรวมของทีมที่เสียประตูน้อยและสามารถเดินหน้าเก็บชัยชนะได้ 9 นัดรวดในพรีเมียร์ลีกทะยานขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูงในขณะนี้
ฤดูกาลที่แล้วลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอลาร์ จบฤดูกาลด้วยการเป็นรองแชมป์ซึ่งสาเหตุก็มาจากผู้เล่นในตำแหน่งเกมรับ ต่างพาเหรดกันเข้าโรงหมอกันเป็นว่าเล่น ไม่ว่าจะเป็น แฟร์นันดิญโญ่,จอห์น สโตน และ เอเมลิค ลาปอร์ก ทำให้ช่วงเวลาหนึ่ง กุนซือของทีมอย่างเป๊ปต้องปรับหมากเอา โรดรี้และอิลคาย กุนโดกัน มายืนเซ็นเตอร์แบ็คจำเป็น
102 ประตูจาก 38 นัดมากที่สุดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2019/20 เป็นสิ่งที่ยืนยันได้อย่างดีว่าพวกเขามีเกมรุกที่ดุดัน แต่การเสียถึง 35 ประตูที่ก็ถือว่าไม่ได้แย่แต่ทว่าพวกเขามักพลาดการเก็บแต้มกับทีมเล็ก ซึ่งหากมองลงไปในรายละเอียดจริงๆ มักจะเป็นลักษณะการที่ถูกฝั่งตรงข้ามแพ็คเกมรับ และรอจังหวะสวนกลับแบบตู้มเดียวหาย ซึ่งการตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายของรายการยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกส์ เกมรับของทีมนั่นก็คือจุดอ่อนที่ทำให้ โอลิมปิก ลียง สามารถโค่นพวกเขาลงได้
ถ้วยคาราบาวคัพและคอมมิวนิตี้ชิลด์ ที่ทีมสามารถคว้ามาประดับตู้โชว์ของสโมสรได้ อาจจะมองในแง่ดีได้ว่าอย่างน้อยทีมก็ไม่มือเปล่า แต่ทว่าเป๊ปกลับไม่มองแบบนั้น เป้าหมายต่อไปของซิตี้คือการก้าวขึ้นไปหนึ่งในผู้ท้าชิง “จ้าวยุโรป” และกลายเป็นขาประจำในการคั่วแชมป์พรีเมียร์ลีกตามนโยบายของประธานสโมสร
เมื่อตลาดนักเตะเปิดสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ไม่อาจทำอะไรพวกเขาได้ พวกเขาลงทุนซื้อ นาธาน อาเก้ มาจากบอร์นมัธ สนนราคา 45 ล้านปอนด์(ประมาณ1854ล้านบาท) , แฟร์รัน ตอร์เรส 40 ล้านปอนด์(ประมาณ1684ล้านบาท) และพาโบล โมเรโน่ 10 ล้านปอนด์(ประมาณ412ล้านบาท) สรุปรวมแล้วพวกเขาใช้เงินไปแล้ว 95 ล้านปอนด์ในการซื้อนักเตะ 3 คนเข้าสู่ทีม
หากแต่อาการบาดเจ็บของ จอห์น สโตน และสัญญาที่เหลือปีสุดท้ายกับทีมของ แฟร์นันดิญโญ่ ทำให้เป๊ปต้องการหาตัวตายตัวแทนในระยะยาว ซึ่งก่อนหน้านั้นพวกเขาก็ล็อคเป้าไปที่ “คาลิดู คูลิบาลี่” แต่ทว่ามันก็ไม่ง่ายเสียเลยเมื่อนาโปลีก็โก่งราคาเต็มที่ ทำให้พวกเขาต้องเบนเข็มไปทางอื่น ก่อนที่ต่อมาพวกเขาตัดสินใจครั้งสำคัญ ทุ่มเงินจำนวน 62 ล้านปอนด์(ประมาณ2555ล้านบาท) กระชาก รูเบน ดิอาส แนวรับทีมชาติโปรตุเกสจากเบนฟิก้าเข้ามาสู่ทีม
แนวรับวัย 23 ปีถือว่าสามารถเข้ามาเติมเต็มเกมรับของเรือใบสีฟ้าให้แข็งแกร่งขึ้นได้อย่างทันตาเห็น เขามีความแข็งแกร่งในด้านร่างกาย อีกทั้งลูกกลางอากาศก็สามารถทำได้ดีและยิ่งไปกว่านั้นภาวะการเป็นผู้นำก็สูงอีกด้วย
รูเบน ดิอาส อาจจะใช้เวลาปรับตัวระยะหนึ่งแต่พอเขาได้ยืนคู่กับ จอห์น สโตน แล้วนั้นเกมรับของซิตี้เองก็ดูดีขึ้นทันตาเห็น ผลงานการเสียเพียงแค่ 7 ประตูจาก 19 นัดที่เจ้าตัวลงเล่นคือหลักฐานและตอบโต้เสียงวิจารณ์จากแฟนบอลว่า 62 ล้านปอนด์ที่ลงทุนไปกับเขามันถูกหรือแพง
เมื่อเกมรุกที่เป็นจุดเด่นของทีมอยู่แล้ว ถูกเติมเต็มด้วยเกมรับที่แข็งแกร่ง คิดดูก็แล้วกันแผงมิดฟิลด์กับกองหน้าจะเล่นกันได้อย่างสบายใจแค่ไหน เมื่อหันหลังกลับมามองเกมรับของทีมตัวเองก็อุ่นใจ เปรียบเสมือนนักรบที่มีดาบที่แหลมคมและก็มีชุดเกราะที่ทนทานต่อการโจมตี
ฤดูกาล 2020/21 ถือว่าเป็นฤดูกาลที่น่าจับตามองเพราะเป็นการขึ้นมาคั่วแชมป์กันของมหาอำนาจของเมืองแมนเชสเตอร์ทั้งซิตี้และยูไนเต็ด โดยมีเลสเตอร์และลิเวอร์พูลคอยเป็นตัวสอดแทรกเป็นระยะ
เชื่อเหลือเกินว่าปีนี้ เป๊ปหมายมั่นปั้นมือจริงๆที่จะพาทีมเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกอีกครั้งให้ได้และกลับไปแก้ตัวในถ้วยบิ๊กเอียร์เพราะสำหรับเขาแล้ว นี่คือโทรฟี่ที่สโมสรอยากได้มากที่สุด ไม่แน่ว่าการเสริมเกราะป้องกันให้กับทีมตัวเอง อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญให้เรือใบสามารถแล่นได้ไกลทั้งในลีกและถ้วยยุโรป