ทุกยุคทุกสมัยการประชันฝีเท้าของนักเตะซูเปอร์สตาร์เกิดขึ้นได้เสมอ Zinédine Zidane เคยก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนักเตะที่ดีที่สุดในโลกเมื่อพาฝรั่งเศสคว้าแชมป์เวิลด์ คัพ 1988 โดยนัดชิงชนะเลิศเอาชนะบราซิล 3-1 ประตู และดับรัศมีของ “Ronaldo” ศูนย์หน้าทีมชาติบราซิลได้อย่างสิ้นเชิง
แต่เมื่อหมดยุคของ “ซิซู” แล้ว คงไม่มีนักเตะคู่ไหนที่ต่อกร แย่งชิงตำแหน่งนักเตะหมายเลข 1 ของโลกเกินไปกว่า Lionel Messi or Cristiano Ronaldo
ช่วงที่เล่นในลา ลีกา ทั้งสองคนเป็นหัวใจสำคัญของพาทีมต้นสังกัดได้ทั้งแชมป์ลา ลีกา และ แชมป์ยูฟา แชมเปียนส์ลีก
ไม่เพียงเท่านั้นยังแย่งชิงตำแหน่ง “บัลลงดอร์” หรือนักเตะยอดเยี่ยมของโลกอย่างไม่ลดราวาศอก
และในฤดูกาลนี้ ทั้งคู่พบกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ Lionel Messi ต้องลาบาร์เซโลนาไปอยู่กับปารีส แซงต์แยร์กแมง ส่วน Ronaldo ลายูเวนตุสกลับมาเล่นในอังกฤษกับแมนฯยูเป็นครั้งที่สอง
Ronaldo อายุ 36 แล้ว ส่วน Messi อายุ 34 ไม่ใช่อยู่ในช่วงพีกอีกต่อไปแล้ว และกับผลงานต้นสังกัดก็ยังไม่เฉียบคม ดาวยิงชาวโปรตุเกสอาจจะยิงประตูได้อย่างต่อเนื่องก็จริงแต่ “ผีแดง” ฟอร์มการเล่นแผ่วลงไปอย่างมากจนต้องมีการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีม
ในขณะที่ ดาวยิงอาร์เจนไตน์เจ้าของรางวัลบัลลงดอร์คนล่าสุดการย้ายไปเล่นในลีกเอิงกับปารีส แซงต์แยร์กแมง ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องปรับทั้งการใช้ชีวิตนอกสนาม แท็คติกการเล่นที่เปลี่ยนแปลงไป และทำให้ Messi ยิงประตูในลีกเอิงได้น้อยกว่าที่คาดคิดไว้มาก ลงเล่นในลีก 10 นัดยิงได้ประตูเดียวกับอีก 5 แอสซิสต์ แต่ก็ยังดีที่ในแชมเปียนส์ลีกลงเล่น 5 นัดยิงได้ 5 ประตู
และทั้ง “ผีแดง” และ เปแอสเช ก็กรุยทางเข้าไปเล่นในรอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ
แถมในการจับสลากครั้งแรกทั้งสองทีมถูกประกบคู่เจอกันเสียด้วยซ้ำ ซึ่งหมายความว่าจะได้เห็น Cristianio Ronaldo และ Lionel Messi ปะทะฝีเท้ากันอีกครั้ง
หากแต่การจับสลากดังกล่าวต้องกลายเป็นโมฆะไปเพราะเจ้าหน้าที่ของยูฟาทำหน้าที่ผิดพลาด ทำให้ต้องจับสลากใหม่ และผลการจับสลากปรากฏว่า แมนฯยู เจอกับ แอตฯมาดริด ในขณะที่ปารีส แซงต์แยร์กแมง เจอกับ เรอัล มาดริด
แต่ถึงอย่างนั้นก็น่าสนใจอยู่ดีว่าทั้งสองคนจะพาทีมต้นสังกัดไปได้ไกลแค่ไหน และทั้งคู่ก็กำลังลุ้นเป็นดาวยิงที่ทำประตูในยูฟา แชมเปียนส์ลีกอีกด้วย
Ronaldo ยิง 5 ประตูในแชมเปียนส์ลีกฤดูกาลนี้ช่วยให้ “ผีแดง” กรุยทางเข้าไปเล่นในรอบ 16 ทีมสุดท้าย และหากนับรวมผลงานยิงทั้งหมดศูนย์หน้าวัย 36 ยิงไปทั้งหมด 140 ประตูในแชมปียนส์ลีก มากเป็นอันดับ 1 โดยเป็นการเล่นให้แมนฯยูสองสมัย,เรอัล มาดริด,ยูเวนตุส
ส่วนอันดับสองก็คือ Messi ที่ยิงประตูได้ทั้งหมด 125 ประตูในการเล่นให้บาร์เซโลนาและปารีส แซงต์แยร์กแมง
โดยผู้เล่นที่ติดท็อปเทนของดาวยิงที่ทำประตูสูงสุดในแชมเปียนส์ลีกมีดังนี้
1.Cristianio Ronaldo 140 ประตู (แมนฯยู,เรอัล มาดริด,ยูเวนตุส)
2. Lionel Messi 125 ประตู (บาร์เซโลนา,ปารีส แซงต์แยร์กแมง)
3. Robert Lewandowski 82 ประตู (ดอร์ตมุนด์,บาเยิร์น มิวนิก)
4. Karim Benzema 76 ประตู (ลียง,เรอัล มาดริด)
5. Raul 71 ประตู (เรอัล มาดริด)
6. Ruud van Nistelrooy 56 ประตู (พีเอสวี ไอนด์โฮเฟน,แมนฯยู,เรอัล มาดริด)
7. Thierry Henry 50 ประตู (โมนาโก,อาร์เซนอล,บาร์เซโลนา)
7. Thomas Muller 50 ประตู (บาเยิร์น มิวนิก)
9. Zlatan Ibrahimovic 48 ประตู (อาแจ็กซ์,ยูเวนตุส,อินเตอร์ มิลาน,บาร์เซโลนา,เอซี มิลาน,ปารีส แซงต์แยร์กแมง,แมนฯยู)
9. Andriy Shevchenko 48 ประตู (ดินาโม เคียฟ,เอซี มิลาน,เชลซี)
10. Filippo Inzaghi 46 ประตู (ยูเวนตุส,เอซี มิลาน)
น่าดูว่า Cristianio Ronaldo จะกลายเป็นดาวยิงตลอดกาลในยูฟา แชมเปียนส์ลีกได้หรือไม่ และ . Lionel Messi จะสามารถยิงประตูไล่ทันได้หรือไม่เส้นทางการต่อสู้ของสองซูเปอร์สตาร์จึงยังไม่จบลงง่ายๆ แน่