เมื่อเอ่ยถึงนักเตะที่เล่นในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็คที่ได้แขวนสตั๊ดไป และมีรูปแบบการเล่นที่ชาญฉลาด และเป็นกองหลังจอมบุก และมีความดุดัน แน่นอนว่าชื่อของ โลร็องต์ บล็องก์ เซ็นเตอร์แบ็คสายเลือดฝรั่งเศส คือหนึ่งในตำนานนักเตะที่ถูกกล่าวขานจนถึงปัจจุบันนี้ และแน่นอนว่า บล็องก์ ไม่ได้เป็นเพียงแค่นักเตะที่อยู่ในชุดแชมป์โลกฟอร์ง 98 กับทีมชาติฝรั่งเศส หรือว่าชุดแชมป์ยูโรในปี 2000 กับทัพ “ตราไก่” อย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งในปัจจุบันผ่านการเล่นฟุตบอลของ บล็องก์ ยังถูกถ่ายทอดมาสู่รุ่นเว็ยเตอร์แบ็ครุ่นใหม่ ที่เรียกได้ว่า บล็องก์ เปรียบเสมือนอาจารย์ 1 คน กับการเล่นตำแหน่งเว็นเตอร์แบ็ค และเป็นแบบอย่างให้กับนักเตะรุ่นหลังจนกระทั่งในปัจจุบันนี้
ด้วยรูปแบบสไตล์การเล่นที่ชาญฉลาดที่มาพร้อมกับความแข็งแกร่ง แน่นอนว่าความลงตัวของ บล็องก์ ทำให้เขาคือยอดกองหลังที่ประสบความสำเร็จในลีกเอิง เป็นอย่างมาก ซึ่ง บล็องก์ เริ่มต้นอาชีพกับสโมสร มงต์เปลลิเย่ร์ ในปี 1983 และอยู่ร่วมงานกับยอดทีมแห่งลีกเอิง ถึง 8 ฤดูกาล และสิ่งที่น่าเหลือเชื่อนั่นก็คือ บล็องก์ ที่เล่นในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็ค ลงสนาม 263 เกม และยิงประตูได้ถึง 80 ลูก และนี่ก็เป็นการพิสูจน์แล้วว่ารูปแบบสไตล์การเล่นของ บล็องก์ คือกองหลังจอมบุกขนานแท้
หากจะพูดถึงการเล่นที่มีความห้าวหาญ และเป็นเซ็นเตอร์แบ็คจอมบุกแน่นอนว่า บล็องก์ คือต้นฉบับของกองหลังที่พาบอลขึ้นมาสู่แดนกลาง และจ่ายบอลให้กับกองหน้าเข้าจบสกอร์ นี่คือรูปแบบการเล่นของ บล็องก์ ในช่วงพีคในอาชีพค้าแข้งของนักเตะ ซึ่งในยุคนั้นถือว่าน้อยมากที่จะมีกองหลังในรูปแบบสไตล์การเล่นเหมือนกับ บล็องก์ และผลงานในเกมระดับทีมชาติหลังจากที่ บล็องก์ ได้จับคู่กับ มาร์กแซล เดอไซญี่ ความลงตัวเกิดขึ้นทันที เพราะทั้งสองนักเตะมีความแข็งแกร่ง เข้าบอลแม่นยำ พร้อมกับเป็นคู่เซ็นเตอร์แบ็คจอมบุก นั่นจึงทำให้ปี 1998 โลร็องต์ บล็องก์ พร้อมกับ มาร์กแซล เดอไซญี่ มีส่วนสำคัญที่พาทีมคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก และในอีก 2 ปีต่อมา ศึกชิงแชมป์ยุโรปทัพ “ตราไก่” ที่มี บล็องก์ และ มาร์กแซล เดอไซญี่ ยืนปักหลักในแผงหลัง ฝรั่งเศษก็คว้าแชมป์ยุโรปในปี 2000 เช่นเดียวกัน
ถึงแม้ว่า บล็องก์ จะไม่ประสบความสำเร็จกับการย้ายออกมาเล่นในเวทียุโรป ซึ่ง โลร็องต์ บล็องก์ เคยเล่นให้กับสโมสร นาโปลี เพียงแค่ปีเดียว เพราะไม่สามารถพัฒนาฝีเท้าตัวเองได้ จนกระทั่งย้ายกลับไปเล่นในฝรั่งเศสให้กับทีม นีมส์และ แซงต์ เอเตียน ก่อนที่จะตัดสินใจย้ายออกไปร่วมทัพกับ บาร์เซโลนา แต่ทว่าก็ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะความฝันของ บล็องก์ ต้องการที่จะร่วมงานกับ โยฮันน์ ครัฟฟ์ แต่ช่วงเวลาก็ไม่เหมาะสมกัน จึงทำให้เจ้าตัวโลดแล่นในลีกสเปนเพียงแค่ 1 ปี ก่อนที่จะย้ายไปเล่นกับ “งูใหญ่” อินเตอร์ มิลาน 2 ฤดูกาล และจบด้วยกับการเล่นให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูในเต็ด 2 ปี และตัดสินใจแขวนสตั๊ดในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในปีฤดูกาล 2002 – 23