สำหรับปฐมบทครั้งนี้ก็คงจะมีเพียงแค่นักเตะรายเดียวเท่านั้นที่แฟนบอลในประเทศไม่ให้การยอมรับ นั่นก็คือ ไมเคิล โอเว่น และแน่นอนว่าไม่มีนักเตะรายไหนพี่แฟนบอลของแต่ละสโมสร โดยเฉพาะแฟนบอลในประเทศตัวเองอย่างเช่นประเทศอังกฤษ จะเกลียดนักเตะคนหนึ่งโดยที่ไม่ให้การต้อนรับ ทั้งที่ ไมเคิล โอเว่น มีประวัติศาสตร์และเรื่องราวฟุตบอลกับสโมสรพี่เคยร่วมงานใน พรีเมียร์ลีก ไม่ว่าจะเป็น “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล หรือว่าจะเป็นสโมสร นิวคาสเซิล และตามมาด้วย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก่อนที่จะแขวนสตั๊ดกับ สโต๊ค ซิตี้ และเชื่อหรือไม่ว่าทั้ง 3 สโมสรยักษ์ใหญ่อย่าง ลิเวอร์พูล, นิวคาสเซิล และ แมนยู แฟนบอลของสโมสรเหล่านี้เกลียด ไมเคิล โอเว่น เข้ากระดูกดำ
เปิดตัวหนังสือ “ไมเคิล โอเว่น REBOOT” คือการเปิดฉากขุดหลุมฝังตัวเอง
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ไมเคิล โอเว่น ได้รับการติดต่อทาบทามจาก ลิเวอร์พูล ตั้งแต่ตัวเองอายุ 9 ขวบ จนกระทั่งอายุ 17 ปี ถูกเซ็นสัญญาเข้าสู่ถิ่น แอนฟิลด์ และสร้างตำนานให้กับ ลิเวอร์พูลตั้งแต่ ปี 1996 ถึงปี 2004 ก่อนที่จะย้ายไปร่วมงานกับ เรอัล มาดริด ในปีต่อมา (2004 – 2005) และอยู่ใน ซานติอาร์โก เพียงแค่ปีเดียว ก่อนที่จะได้รับการต้อนรับจาก “สาลิกาดง” นิวคาสเซิล ด้วยการเซ็นสัญญา 4 ปี (2005 – 2009) และก็ย้ายไปเล่นให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3 ฤดูกาล (2009 – 2012) ก่อนที่จะย้ายไปปิดฉากกับ สโต๊ค ซิตี้ และตัดสินใจแขวนสตั๊ดในปี 2013
แต่ถ้าหากจะพูดถึงเรื่องราวต่าง ๆ โอเว่น ก็คงจะไม่ได้ทำผิดอะไรมากมายเกี่ยวกับการย้ายทีม แต่จุดเริ่มต้นนั่นก็คือปี 2019 หลังจากที่เจ้าตัวได้เปิดตัวหนังสือชีวประวัติที่ชื่อว่า “ไมเคิล โอเว่น REBOOT” และนั่นคือคำด่าทอและกล่าวพาดพิงถึงสโมสรที่เคยร่วมทัพโดยเฉพาะในประเทศอังกฤษ และยังพาดพิงถึงบุคคลสำคัญระดับตำนานอย่าง อลัน เชียร์เรอ ร์และ เดวิด เบคแฮม ที่เป็นขวัญใจของแฟนบอลในระดับสโมสรและในทีมชาติ
หากจะพูดถึงเนื้อหาในหนังสือ “ไมเคิล โอเว่น REBOOT” ที่เป็นประเด็นนับตั้งแต่ที่เปิดตัวมา จะสรุปคร่าว ๆ ว่าทำไมแฟนบอล ลิเวอร์พูล จึงเกลียด โอเว่น นั่นก็คือในช่วงปลายปี 2004 เจ้าตัวกดดันให้ ลิเวอร์พูล ขายตัวเองออกไปให้กับ เรอัล มาดริด แต่หลังจากที่ไม่ประสบความสำเร็จกับ “ราชันชุดขาว” ก็ต้องการย้ายกลับเข้าสู่ที่ แอนฟิลด์ หงส์แดง ก็ไม่ต้องการตัว ไมเคิล โอเว่น เจ้าตัวจึงได้ออกมาบอกว่า สโมสรลิเวอร์พูล ไม่มีความจริงใจ
และไมเคิลโอเว่นยังบอกอีกว่าสิ่งที่เขาจำยอมย้ายมาเล่นให้กับ “สาริกาดง” นิวคาสเซิล นั่นก็เพราะว่าไม่ได้ย้ายกลับไปเล่นใน ลิเวอร์พูล และยังพูดถากถางสโมสร นิวคาสเซิล ที่ให้โอกาสถึง 4 ปี ในการย้ายกลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีก หลังจากที่อยู่กับ เรอัล มาดริด 1 ปี ว่า “เขาทนที่จะเล่นให้กับ สาลิกาดง ทั้งที่เป็นสโมสรหลงตัวเองคิดว่ายิ่งใหญ่” จน อลัน เชียเรอร์ ได้ออกมาสวนกลับทันที และ ไมเคิล โอเว่น ก็สาดน้ำลายกลับคืนจนเป็นประเด็นในปัจจุบันนี้
ส่วนในฝั่งของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แน่นอนว่า โอเว่น เปิดตัวอย่างสวยหรูและได้ชูถ้วยแชมป์ในปี 2011 กับทัพ “ผีแดง” และยังกล่าวยกย่อง แมนยู มาโดยตลอด จนกระทั่งแขวนสตั๊ด และผันตัวเองเข้าสู่วงการคอมเม้นเตเตอร์ กับการวิเคราะห์เกมการแข่งขัน และเจ้าตัวก็กลับมากล่าวโจมตี แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พร้อมกับพาดพิงถึงระดับตำนานอย่าง ไรอัน กิ๊ก และ พอล สโคลส์ ซึ่งเป็นเนื้อหาที่ค่อนข้างจะหยาบคายในหนังสือ และยังขาดพูดเหน็บแนม เบ็คแฮมในกรณีฟุตบอลโลก 1998 พี่ เบ็คแฮมถูกใบแดง และเจ้าตัวก็พูดถึงประเด็นในทำนองที่ว่า “ตนเป็นเพียงแค่เด็กในวัย 18 ปี คงไม่สามารถออกไปปกป้อง superstar เบอร์ 1 ของประเทศได้” นั่นคือคำพูดที่ถากถางและไม่ให้เกียรติ
และนี่คือปฐมบทกับหนังสือ “ไมเคิล โอเว่น REBOOT” ที่เปิดตัวในปี 2019 และต้องบอกเลยว่า ไมเคิล โอเว่น กำลังที่จะขุดหลุมฝังตัวเองอย่างแท้จริง เพราะในหนังสือเล่มนี้เป็นการเปิดเผยธาตุแท้ของตำนานนักเตะเจ้าของบัลลงดอร์ในปี 2001 ในด้านมืด ที่ทุกคนไม่อยากจดจำ