ฟุตบอลโลก 1990 ถือว่าเป็นหนึ่งในฟุตบอลโลกที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ ทั้งในแง่ของการเป็นเจ้าภาพที่ยอดเยี่ยมของอิตาลี การมีซูเปอร์สตาร์มาโชว์ฝีเท้ากันอย่างคับคั่ง รวมทั้งการเล่นได้อย่างสมบูรณ์แบบของแชมป์โลกอย่าง “อินทรีเหล็ก” เยอรมนีตะวันตก
แต่เมื่อรู้ว่าฟุตบอลโลกครั้งต่อมาคือฟุตบอลโลก 1994 ประเทศที่เป็นเจ้าภาพคือ สหรัฐอเมริกา
เพราะรู้อยู่ว่าสหรัฐอาจจะเป็นประเทศที่คลั่งไคล้กีฬาอย่างหนัก แต่กีฬาฟุตบอลที่ถูกเรียกว่า “ซอคเกอร์” แทบไม่ได้รับความนิยมเลย
แต่ผลที่ออกมาก็เหนือความคาดหมายอย่างมาก ไม่เพียงจะมีแฟนบอลเข้ามาชมเกินคาดเท่านั้น แต่เวิลด์ คัพ 1994 ยังทำสถิติเป็นฟุตบอลโลกที่มีผู้ชมเข้ามาเชียร์ในสนามสูงที่สุดมากเป็นประวัติศาสตร์ โดยมีจำนวนถึง 3,568,567 คน หรือเฉลี่ยนัดล่ะ 68,626 คน
แม้ “พญาอินทรี” จะไม่ใช่ชาติที่คลั่งไคล้ “ซอคเกอร์” ก็จริง แต่คนอเมริกันชอบเข้าไปชมเกมในสนาม สัมผัสบรรยากาศจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันกีฬาอะไร ที่สำคัญเป็นคนรักหน้าตัวเองกันมาก เมื่อกีฬาที่ได้รับความนิยมที่สุดในโลกมาแข่งขันกันที่สหรัฐ อย่างไรก็จะต้องทำสถิติยอดผู้ชมไม่ให้น้อยหน้าฟุตบอลโลกหนก่อนๆ
หากไม่นับการที่สองทีมยักษ์ใหญ่ของโลกคืออังกฤษและฝรั่งเศสที่ไม่ผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายแล้ว ฟุตบอลโลก 1994 ก็ยังเป็นทัวร์นาเมนต์ที่น่าตื่นตา มีเกมที่สนุกเร้าใจอยู่ดี
และทีมที่คว้าแชมป์โลกไปครองก็คือบราซิล โดยการเอาชนะอิตาลีในการดวลจุดโทษ 3-2 ประตูหลังเสมอในเวลา 90 นาที และส่งผลให้ “แซมบ้า” คว้าแชมป์โลกไปครองเป็นสมัยที่ 4
การแข่งขันนัดชิงชนะเลิศมีขึ้นที่โรส โบว์ล สเตเดี้ยม ในพาซาเดนา แคลิฟอร์เนีย มีแฟนบอลเข้ามาชมเกมในนัดนี้ถึง 94,194 คน สูงสุดเป็นอันดับ 6 ของจำนวนผู้ชมในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก
ดาวเด่นที่สุดในทัวร์นาเมนต์นี้ก็คือ “โรมาริโอ” กองหน้าหุ่นมะขามข้อเดียวของทีมชาติบราซิล โดยทัวร์นาเมนต์นี้เขาประสานงานกับเบเบโต้ได้อย่างยอดเยี่ยมกลายเป็นแนวรุกที่อันตรายที่สุด โรมาริโอยิงได้ 5 ประตูในเวิลด์ คัพ 1994 และหนึ่งในประตูที่เขาทำได้และได้รับการกล่าวขวัญถึงอยู่เสมอก็คือ การเล่นในรอบรองชนะเลิศที่บราซิลเอาชนะไป 1-0 ประตู โดยได้ประตูชัยจากลูกโหม่งของโรมาริโอ ซึ่งมีความสูงเพียง 168 เซนติเมตรเท่านั้น
ส่วนอีกประตูแห่งความทรงจำก็คือการฉลองการทำประตูด้วยท่าแกว่งแขวนไปมาเหมือนกำลังกล่อมลูกของเบเบโต้ในนัดเจอกับฮอลแลนด์ ซึ่งในขณะนั้นภรรยาของเขาได้คลอดลูกชายระหว่างทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลโลก 1994 และกลายเป็นแฟชั่นนิยมมาจนถึงทุกวันนี้
สำหรับผู้แพ้ที่โด่งดังที่สุดในทัวร์นาเมนต์นี้ก็คือ โรแบรโต้ บักโจ้ กองหน้าทีมชาติอิตาลีที่พาทีมเข้าถึงนัดชิงชนะเลิศได้สำเร็จ แต่ “ไอ้เปียทองคำ” พบฝันร้ายในการดวลจุดโทษตัดสินเมื่อยิงบอลข้ามคานเหลือเชื่อ
ส่วนตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดตกเป็นของ ฮริสโต้ สตอยช์คอฟ ของบัลแกเรีย และ โอเล็ก ซาเลนโก้ ของรัสเซียที่ยิงได้ 6 ประตูเท่ากัน