ชีวิตที่พลิกผักของของเด็กหนุ่มชาวโมร็อคโก “ฮาคิม ซิเย็ค”
ฮาคิม ซิเย็ค เกิดเมื่อวันที่ 19 มีนาคม ปี 1993 ที่เมืองทรอนเท่นส์ ประเทศเนเธอร์แลนด์ เขาเริ่มต้นเล่นฟุตบอลระดับเยาวชนกับอคาเดมีของสโมสร เอสซี ฮีเรนวีน ซึ่งตอนที่เขายังเป็นนักเตะเยาวชนนั้น เจ้าตัวมีปัญหาเรื่องความประพฤติที่ชื่นชอบการดื่มสุราและสูบบุหรี่ อันเนื่องมาจากช่วงที่เขาอายุได้ 10 ขวบนั้น ครอบครัวต้องสูญเสียคุณพ่อไป สภาพจิตใจของเขาในตอนนั้นย่ำแย่ ซึ่งตัวเขามีพี่น้องทั้งสิ้น 7 คนและเขาเองก็เป็นคนสุดท้อง ความรับผิดชอบทุกอย่างจึงตกไปอยู่ที่คุณแม่ที่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่าย
โชคยังดีที่ฝีเท้าของซิเย็คยังพอมีดีอยู่บ้าง พอเขาได้เข้าไปอยู่กับฮีเรนวีนก็ได้พัฒนาฝีเท้าและปรับทัศนคติของตัวเองเพื่อตั้งใจเล่นฟุตบอลอีกครั้ง พาทีมชุด U-21 ของฮีเรนวีนเป็นแชมป์ลีก จนในที่สุดก็ถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในวัย 19 ปีจากนั้นก็พัฒนาตัวเองขึ้นมาเป็นตัวหลักของสโมสร โดยตลอดเวลา 2 ปีครึ่งกับทีมชุดใหญ่ เขาลงสนามให้กับทีม 46 นัดซัดไป 13 ประตูกับอีก 11 แอสซิสต์ ซึ่งจากฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยมของเขาในช่วงที่เป็นนักเตะเยาวชน เขาถูกเรียกตัวติดทีมชาติเนเธอร์แลนด์ในชุด U-19 , U-20 และ U-21
จากฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นกับฮีเรนวีน ทีมดังในลีกกังหันลมอย่าง ทเวนเต้ ก็ยื่นข้อเสนอมูลค่า 5.5 ล้านยูโร คว้าตัวเขาไปร่วมทีม ซึ่งซิเย็คก็สามารถตอบแทนเงินทุกยูโรได้อย่างคุ้มค่า เขาลงเล่นให้กับทเวนเต้ไปทั้งสิ้น 76 นัดยิงได้ 34 ประตูกับอีก 30 แอสซิสต์ ก่อนจะมีข้อเสนอทาบทามมาจากสมาคมฟุตบอลโมร็อคโก เรียกตัวเขาไปติดทีมชาติ เนื่องจากคุณแม่ของเขาเป็นชาวโมร็อคกันและมีคุณพ่อเป็นชาวดัตช์
เกมประเดิมสนามทีมชาติชุดใหญ่นัดแรกของเจ้าตัวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม ปี 2015 ในเกมกระชับมิตรที่พบกับ ไอวอรี่ โคสต์ เขาถูกส่งลงสนามเป็น 11 ผู้เล่นตัวจริง ก่อนจะใช้เวลาในสนามได้ 65 นาทีแล้วถูกเปลี่ยนตัวออกไป
ผลงานที่ทำได้ดีกับทเวนเต้ ได้ประเดิมทีมชาติชุดใหญ่ของโมร็อคโก ในฤดูกาล 2016/17 ทเวนเต้ได้รับข้อเสนอมูลค่า 11 ล้านยูโร(ประมาณ) จาก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม มหาอำนาจลีกดัตช์ คว้าตัวเขาไปร่วมทีมและที่นี่เอง ซิเย็คก็สามารถเจิดจรัสเป็นผู้เล่นแถวหน้าของยุโรป เขาลงสนามในฤดูกาลแรกให้อาแจ็กซ์ไปทั้งสิ้น 28 นัดยิงไป 7 ประตูกับอีก 12 แอสซิสต์และพาทีมเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศยูฟ่า ยูโรปาลีก แต่ก็แพ้ให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ฤดูกาล 2018/19 คือฤดูกาลที่ดีที่สุดในอาชีพการค้าแข้งของเจ้าตัว เมื่อลงสนามให้กับทีม 29 นัดซัดไป 16 ประตูกับ 17 แอสซิสต์พร้อมกับพาอาแจ็กซ์คว้าแชมป์ลีกได้สำเร็จ อีกทั้งความสำเร็จส่วนตัว เขาได้รับการรับเลือกให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมประจำปีของลีกดัตช์อีกด้วย
ซึ่งด้วยฟอร์มการเล่นอันร้อนแรงนี้ เชลซีไม่รอช้ายื่นข้อเสนอมูลค่า 38 ล้านยูโร (ประมาณ) คว้าตัวเขาไปร่วมทีม แต่เนื่องจากประสบปัญหาการบาดเจ็บในช่วงแรก ทำให้ตอนนี้เขาลงสนามให้สิงห์บลูไปแค่ 6 นัด ยิงได้ 1 ประตูทำไป 3 แอสซิสต์
ปัจจุบันในนามทีมชาติ เขาลงสนามให้โมร็อคโกไปแล้วทั้งสิ้น 35 นัดยิงไป 16 ประตู พาทีมชาติเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายแอฟริกันเนชั่นคัพส์ได้ 2 ครั้ง(2017 และ 2019) อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในขุนพลลุยศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซียเป็นเจ้าภาพอีกด้วย