ผู้จัดการทีมที่โด่งดังที่สุดในยุโรปขณะนี้ไม่ใช่เป๊ป กวาร์ดิโอลา ซีเนดีน ซีดาน โธมัส ทูเคิล หรือว่า เจอร์เกน คล็อปป์ แต่เป็น “สตีเวน เจอร์รารด์” กุนซือหนุ่มของกลาสโกว์ เรนเจอร์สที่เพิ่งพาทีมคว้าแชมป์สกอตติช พรีเมียร์ฤดูกาล 2020-21 ไปครอง และเป็นการคว้าแชมป์ลีกหนแรกในรอบ 10 ปีของเรนเจอร์สด้วย หลังจาก 9 ฤดูกาลก่อนหน้านี้ กลาสโกว์ เซลติก ผูกขาดความสำเร็จมา 9 ฤดูกาลติดต่อกัน
ส่วนเจอร์ราร์ด นี่ก็ถือเป็นการสัมผัสแชมป์ลีกเป็นครั้งแรกในชีวิต เพราะสมัยที่เล่นกับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล แม้จะกวาดแชมป์มาได้แล้วเกือบหมด แต่ก็ไม่เคยสัมผัสแชมป์พรีเมียร์ลีกเลยแม้แต่ครั้งเดียว นี่จึงนับเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ ถึงขนาดมีข่าวลือว่า เจอร์ราร์ด จะเป็นเต็ง 1 ที่รับหน้าที่เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ของลิเวอร์พูลหากว่าคล็อปป์โดนปลดจากตำแหน่ง แต่ดูเหมือนว่าเรนเจอร์สจะไม่ยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
เดฟ คิง อดีตประธานสโมสรกลาสโกว์ เรนเจอร์ส ให้สัมภาษณ์ว่ามีโอกาสเพียงศูนย์เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่เจอร์ราร์ดจะอำลาทีมเพื่อย้ายไปคุม “หงส์แดง” ในฤดูกาลหน้า
“ผมมีอยู่สองเหตุผลรองรับ ประการแรก ลิเวอร์พูล ไม่ใช่สโมสรที่จะแต่งตั้งใครเป็นผู้จัดการทีมง่ายๆ และคล็อปป์ ก็มีผลงานที่ดีอยู่แล้ว ประการที่สองก็คือ เจอร์ราร์ด ไม่ใช่คนที่จะยอมฉีกสัญญาที่เพิ่งเซ็นไปง่ายๆ และแฟนบอลของเรารักเขาและอยากเห็นเขาพาเรนเจอร์สป้องกันแชมป์ และมองไปถึงการเล่นในยูฟา แชมเปียนส์ลีกด้วย”
คำถามก็คือทำไมกุนซือชาวอังกฤษจึงเป็นที่รักของแฟนบอลเรนเจอร์ส
1.หยุดยั้งความยิ่งใหญ่ของเซลติก
ทั้งสองทีมแม้เป็นทีมร่วมเมืองเดียวกันแต่ก็ผลัดกันประกาศความสำเร็จในการคว้าแชมป์ลีกสกอตมาโดยตลอด แต่ในช่วง 9 ปีที่ผ่านมาเซลติกเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด แต่เมื่อเจอร์ราร์ดเข้ามาคุมทีมเมื่อปี 2018 ก็ค่อยๆ สร้างทีมขึ้นมาอย่างช้าๆ จนกระทั่งมาประสบความสำเร็จสูงในดฤดูกาลนี้
2.การเป็นแชมป์สมัยที่ 55
ก่อนหน้านี้เรนเจอร์สคว้าแชมป์ลีกมาแล้ว 54 สมัย ส่วนเซลติกได้แชมป์ 51 สมัย การได้แชมป์สมัยที่ 55 เพื่อหนีห่างออกไปจึงเป็นความสะใจอย่างยิ่งของแฟนบอลเรนเจอร์ส
3.ไม่แพ้ใครตลอดฤดูกาล
ตอนที่แบรนแดน ร็อดเจอร์ส คุมทีมเซลติกในฤดูกาล 2016-17 นับเป็นความสำเร็จสูงสุด เพราะแค่ฤดูกาลแรกก็กวาด 3 แชมป์ และไม่แพ้ใคร 47 นัด
แต่ฤดูกาลนี้เรนเจอร์สก็ชนะ 28 เสมอ 4 ยังไม่แพ้ใคร ยิงไปได้ 77 เสียไปแค่ 9 ประตู
และผลงานในการเล่นในไอบร็อกซ์รวม 16 นัดชนะรวด ยิงได้ 47 ประตู และเพิ่งเสียไปแค่ 2 ประตูเท่านั้น
4.สไตล์การเล่นที่เปลี่ยนไป
แน่นอนว่าเรนเจอร์สในยุคของเจอร์รารดเล่นเกมรุกเป็นหลัก แต่ก็สามารถสร้างสมดุลในเกมรับได้ดีทำให้เสียไปแค่เก้าประตูในเกมลีก ส่วนสถิติยิง 77 ประตูใน 32 นัดถือว่าสถิติยิงเฉลี่ยอยู่ที่ 2.4 ประตูต่อเกม
5.โดดเด่นในเวทียุโรป
เจอร์ราร์ดทำให้ค่านิยมที่แฟนบอลบอกว่าทีมจากสกอตแลนด์ไม่ดีเพียงพอในเวทียุโรปต้องเปลี่ยนไป เขาสามารถพาทีมจบผลงานในยูโรปา ลีก รอบแบ่งกลุ่มในฐานะแชมป์กลุ่ม และในรอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรกก็เอาชนะ อันท์เวิร์ป ของเบลเยียมมาได้อีกด้วย
ไม่น่าแปลกใจเลยที่แฟนบอลกลาสโกว์ เรนเจอร์ส รักเขา เช่นเดียวกับที่ครั้งหนึ่งเขาคือนักเตะขวัญใจ “เดอะค็อป”
