เหตุการณ์ที่นาย Vladimir Putin ประธานาธิบดีรัสเซียสั่งให้กองทัพรัสเซียบุกเข้าโจมตีประเทศยูเครน เป็นเรื่องที่ชาวโลกไม่เคยคิดมาก่อน ส่งผลกระทบรุนแรงไปทั่วโลก และปฎิกิริยานานาชาติก็ออกแรงต้านอย่างรุนแรง และที่ส่งผลกระทบตามมาก็คือบรรดานายทุนชาวรัสเซียที่ลงทุนอยู่ในยุโรปโดนแรงกระแทกหนักมาหลายระลอก
และคนที่ดังไปทั่วยุโรปก็เห็นจะไม่มีใครเกินหน้า Roman Abramovich เจ้าของสโมสร Chelsea ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่ามีความสนิทสนมเป็นส่วนตัวกับนาย Vladimir Putin
มหาเศรษฐีวัย 55 พยายามลดแรงเสียดทานด้วยการยุติบทบาทในตำแหน่งประธานสโมสร โดยจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการบริหารทีม แต่แรงกดดันก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อันเป็นผลมาจากสถานการณ์ที่ยังคงรุนแรงหนักขึ้นเรื่อยๆ
ในที่สุด Roman Abramovich ก็ได้ออกมาแถลงการณ์ยอมรับว่าเตรียมพิจารณาขาย “สิงโตน้ำเงินคราม” ให้กับกลุ่มทุนผู้สนใจ คาดว่าจะตั้งราคาขายที่ 3,000 ล้านปอนด์ โดยจะมี The Rain Group ธนาคารของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นที่ปรึกษาเป็นผู้ดูแลในเรื่องนี้
และเป็นการยุติความยิ่งใหญ่ของเศรษฐีชาวรัสเซียที่เข้ามาเป็นเจ้าของทีม “สิงโตน้ำเงินคราม” ยาวนานกว่า 19 ปี
Abramovich เข้ามาเป็นเจ้าของทีม Chelsea ตั้งแต่ปี 2003 โดยใช้เงินจำนวนกว่า 140 ล้านปอนด์ซื้อมาจาก Ken Bates และเป็นคนสร้างความเปลี่ยนแปลงให้สโมสรแห่งนี้มากที่สุด ทั้งการทุ่มเงินก้อนมหาศาลเพื่อซื้อนักเตะระดับเวิลด์คลาสมาร่วมทีม ตั้งผู้จัดการทีมฝีมือระดับโลก และทำให้ “สิงโตน้ำเงินคราม” ได้สัมผัสแชมป์ Premier League ในที่สุด
ในฤดูกาล 2004-2005 Chelsea ภายใต้การคุมทีมของ José Mourinho สามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 50 ปี และหลังจากนั้นยังคว้าแชมป์ League Cup มาครองได้อีก
ในยุคของมหาเศรษฐีชาวรัสเซียเป็นเจ้าของทีมนั้น “สิงโตน้ำเงินคราม” ได้แชมป์ Premier League 5 สมัย และแชมป์ Uefa Champions Leagues อีก 2 สมัย และในฤดูกาลเพิ่งคว้าแชมป์ฟุตบอลสโมสรโลกมาครองได้เป็นครั้งแรก
Thomas Tuchel กุนซือคนปัจจุบันที่พา Chelsea คว้าแชมป์ Uefa Champions Leagues เมื่อฤดูกาลก่อนยอมรับว่าสถานการณ์ของทีมนับจากนี้คงจะพบกับความยากลำบากมากกว่าเดิมเมื่อ Roman Abramovich ไขก๊อกลาสโมสร และเปิดทางให้กลุ่มทุนใหม่เข้ามาบริหารสโมสร
“ตอนนี้มันอาจจะเร็วไปที่จะแสดงความเห็นอะไรในเรื่องนี้ แต่ผมบอกได้แต่ว่าเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากมาก และแน่นอนว่ามันเป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และนักเตะในทีมบางคนก็คงได้รับว่ามีผลกระทบตามมาอย่างแน่นอน”
ในยุคของ Abramovich ที่สโมสรสามารถคว้าแชมป์ทุกรายการมาครองได้รวม 21 รายการ แต่งตั้งผู้จัดการทีมเข้ามารับผิดชอบทีมรวมกันกว่า 15 คน ไม่ใช่เรื่องง่ายที่กลุ่มทุนใหม่จะเข้ามาสานต่อความสำเร็จได้ทันทีทันใด
เพราะเศรษฐีชาวรัสเซียลงทุนไปกว่า 2,000 ล้านปอนด์ให้กับสโมสร จนกลายเป็นหนึ่งในสโมสรที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก
Tony Cascarino อดีตกองหน้าของ “สิงโตน้ำเงินคราม” แสดงความเห็นว่า Roman Abramovich มีลักษะเฉพาะที่แตกต่างไปจากกลุ่มทุนใหญ่ที่เข้ามาเป็นเจ้าของสโมสรในพรีเมียร์ลีกนั่นก็คือการสร้างทีมด้วยความรักและผูกพัน
“Abramovich สนใจเรื่องความสำเร็จของทีมเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องของกำไร”
การเข้ามาเป็นเจ้าของทีม Chelsea ไม่ได้ทำให้เขารวยขึ้นแต่จนลงด้วยซ้ำ แต่เขาได้ตัดสินใจแล้วว่าจะยอมยกเลิกหนี้ที่สโมสรติดค้างเขาอยู่
สำหรับรายชื่อนายทุนที่สนใจเข้ามาเทกโอเวอร์นั้น ตอนนี้น่าจะมีอยู่ 4 คน โดยคนแรกก็คือ Sir Jim Ratcliffe หนึ่งในมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในอังกฤษ และเคยได้ชื่อว่าเป็นคนรวยที่สุดในเกาะอังกฤษเมื่อปี 2018
คนต่อมาคือ Todd Boehly มหาเศรษฐีชาวอเมริกันวัย 46 ที่เคยพยายามจะเข้ามาซื้อสโมสรเมื่อปี 2019 แต่ไม่ประสบความสำเร็จ โดยเขายังเป็นเจ้าของทีมบาสเกตบอลชื่อดังอย่าง LA Lakers ด้วย
คนที่สามคือ Hansjorg Wyss มหาเศรษฐีชาวสวิสวัย 86 ซึ่งเคยออกมาให้สัมภาษณ์ว่า Abramovich เป็นคนติดต่อจะขายสโมสรกับเขาเอง และไม่เคยมีประสบการณ์บริหารทีมกีฬามาก่อนเลย
และคนที่สีนับว่าน่าสนใจไม่น้อย Stephen Ross เป็นเศรษฐีชาวอเมริกันวัย 81 และเป็นผู้มีบทบาทในการผลักดันแนวคิดจัด European Super League ซึ่งต้องล้มเลิกไป รวมทั้งยังเป็นเจ้าของทีมอเมริกันฟุตบอลชื่อดังอย่าง Miami Dolphins ดอลฟินส์ด้วย
ดูแล้วถึงเวลาฟ้าเปลี่ยนสีในถิ่น Stamford Bridge แล้วจริงๆ