Arteta กล้าปรับทัพปืนใหญ่ หวังทวงความยิ่งใหญ่ให้ Arsenal
ใครที่เป็นแฟนบอลของทีม “ปืนใหญ่” Arsenal ทีมดังแห่งกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คงจะจดจำได้ดีถึงช่วงเวลาแห่งความยิ่งใหญ่ของทีมในสมัยของ Arsene Wenger กุนซือสมองเพชรชาวฝรั่งเศส ที่เข้ามานำการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของทีม ตั้งแต่ปี 1996 จากทีม Arsenal ที่เล่นบอลได้อย่างน่าเบื่อด้วยการเล่นสไตล์ฟุตบอลอังกฤษโบราณที่สาดบอลโด่งจากหลังไปยังหน้าประตูให้กองหน้าพักบอลเข้าไปทำประตูมาสู่บอลคอนโทรลจังหวะของเกม ส่งผลให้ทีม Arsenal มีการปรับทัพใหญ่โดยเฉพาะการเล่นบอลบนพื้น ทำชิ่งต่อบอลกันแบบที่ดูแล้วเนียนตา ทำให้ทีม Arsenal ในยุคของกุนซือ Wenger กลายเป็นทีมที่เข้ามาแย่งแชมป์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก จากทีมขาประจำอย่างทีม “ปีศาจแดง” Manchester United ที่มีกุนซือระดับตำนานอย่างท่านเซอร์ Alex Ferguson คุมทัพอยู่ โดยในช่วงเวลานั้น กุนซือ Wenger สามารถนำทีม Arsenal แย่งแชมป์ฟุตบอลลีกมาได้ถึง 3 สมัยในฤดูกาล 1997–98, 2001–02 และ2003–04 โดยเฉพาะในฤดูกาล 2003–04 ทีม “ปืนใหญ่” Arsenal คว้าแชมป์ฟุตบอลลีกแบบไร้พ่ายตลอดทั้ง 38 นัดที่ลงสนาม และทำให้ Arsenal เป็น The Invincibles ทีมเดียวในเกาะอังกฤษที่ทำได้จนถึงปัจจุบันนี้ และยังไม่มีทีมใดสามารถทำสถิตินี้ได้อีกเลย และกุนซือ Wenger ยังปั้นนักเตะของทีม Arsenal ให้เป็นดาวดังระดับโลก ดังเช่น 3 ทหารเสือทีมชาติฝรั่งเศสชุดแชมป์โลก 1998 อย่าง Thierry Henry,Robert Pires และ Patrick Vieira ในยุคของกุนซือ Wenger ไม่ใช่แค่ยิ่งใหญ่ในอังกฤษเท่านั้น แต่ กุนซือ Wenger ยังเข้ามายกระดับทีม Arsenal ให้ขึ้นมาเทียบชั้นในฟุตบอลยุโรป แม้ว่าจะไม่เคยเป็นแชมป์ฟุตบอลยุโรปถ้วยใหญ่อย่าง UEFA Champions League (UCL) ได้เลย แต่กุนซือ Wenger สามารถสร้างประวัติศาสตร์พาทีม Arsenal เข้าชิงชนะเลิศได้ในปี 2006 แม้ว่าจะอกหักพ่ายในนัดชิงได้แค่รองแชมป์ก็ตาม แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า “ยุคทอง”ของทีม Arsenal คือยุคสมัยของ Wenger
หมดยุคทองของ Wenger สู่ยุคมืดของ Arsenal
เมื่อถึงจุดสุดยอดก็ต้องมาถึงจุดเสื่อมถอย จากยุคเรืองรองอย่างทองคำ กลายมาเป็นจุดตกต่ำเรื่อย ๆของทีม Arsenal เมื่อ Arsene Wenger ไม่สามารถพาทีมไปสู่ความยิ่งใหญ่ได้อีกเลย และเมื่อปี 2018 Wenger ประกาศวางมือจาการคุมทีม Arsenal ถือเป็นการสิ้นสุด 22 ปีที่เป็นสถิติกุนซือที่คุมทีมยาวนานที่สุดของ Arsenal โดยผู้ที่มารับงานต่อจากกุนซือ Wenger นั่นคือ Unai Emery กุนซือชาวสเปน แต่ทว่าคุมทีมปืนใหญ่ได้เพียงแค่ฤดูกาลเดียวทาง Emery ก็ถูกปลดออกจากทีมไป และต้องให้อดีตนักเตะตำนานของทีม Arsenal อย่าง Fredrik Ljungberg รักษาการคุมทีมไป จนในที่สุด เมื่อปี 2020 ผู้บริหารของทีม Arsenal ได้ไปดึงตัวอดีตนักเตะเก่าของทีม Arsenal อย่าง Mikel Arteta ซึ่งช่วงเวลานั้นได้ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยของ Pep Guardiola สุดยอดกุนซือของทีมยักษ์ใหญ่ในอังกฤษอย่างทีม “เรือใบสีฟ้า” Manchester City
Arteta เริ่มคุมทีมเกือบร่วง แต่ต่อมาเกือบรุ่ง พร้อมมุ่งหน้าสร้างทีมต่อไป
หลังจากที่ Mikel Arteta กุนซือหนุ่มไฟแรงชาวสเปน ได้เข้ามาคุมทีม “ปืนใหญ่” Arsenal ในปี 2020 ช่วงแรกๆต่อเจอปัญหาในการปรีบทีมเยอะ และผลงานทีมร่วงตกต่ำจนทีมปืนใหญ่กลายเป็นทีมรั้งท้ายของตาราง จนมีกระแสจากแฟนบอลทีมปืนใหญ่จำนวนไม่น้อยต้องการจะให้ผู้บริหารของทีม ปลด Arteta จาการเป็นของทีม Arsenal แต่อย่างไรก็ตามเมื่อ Arteta ได้เริ่มปรับแต่งจูนทีมจนติด โดยอาศัยเคล็ดวิชาที่ได้รับการเรียนรู้มาจาก Pep Guardiola ทำให้ทีม Arsenal เริ่มดีวันดีคืนจากฤดูกาลแรกของการคุมทีมอันดับที่ 8 และฤดูกาลต่อมาพาทีมจบอันดับที่ 5 แต่สามารถพาทีม Arsenal คว้าแชมป์ฟุตบอล FA cup ได้ในปี 2020 ตั้งแต่ปีแรกที่เข้ามาคุมทีม และในฤดูกาล 2022-23 ถือเป็นการยกระดับการเล่นของทีม Arsenal อย่างเป็นระบบ จนทำให้ทีม Arsenal ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ Arteta กลายเป็นทีมลุ้นแชมป์ลีกแบบเต็มตัว เนื่องจากทีม Arsenal นำเป็นจ่าฝูงของตารางคะแนนมาตลอดจนถึงช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล ทีม Arsenal พลาดท่าสะดุดทำให้แต้มหลุดหายไปในช่วง 5-6 นัดสุดท้าย จนกลายเป็นทีม “เรือใบสีฟ้า”แซงปาดหน้าคว้าแชมป์ไปครองได้แบบน่าเจ็บใจ ทั้งที่ทีม Arsenal เกือบจะได้แชมป์ที่รอคอยมานานกว่า 20 ปีอยู่แล้ว
การพลาดแชมป์ในช่วงท้ายฤดูกาล เป็นบทเรียนสำคัญ ทำให้ Arteta ต้องกล้าปรับทัพใหม่ให้กับทีมปืนใหญ่ เพื่อหวังทวงความยิ่งใหญ่ให้ Arsenal อีกครั้งในฤดูกาลหน้า ปี 2023-24 โดย Arteta มองว่าการนักเตะตัวหลักของทีมบาดเจ็บทำให้ทีมเริ่มแผ่วปลายในช่วงฤดูกาล ทำให้เมื่อจบฤดูกาล กุนซือ Arteta ต้องให้ผู้บริหารของทีมทุ่มเงินจำนวนมหาศาล เพื่อคว้าตัวนักเตะใหม่มาเสริมทีมทั้ง Declan Rice กองกลางกัปตันทีม West Ham United ซึ่งมีค่าตัวสูงมากที่สุดในอังกฤษถึง 105 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 4,783 ล้านบาท, Kai Havertz กองหน้าของทีม Chelsea ด้วยค่าตัว 60 ล้านปอนด์(2,701 ล้านบาท) และ Jurrien Timber กองหลังทีมชาติฮอลแลนด์ของทีม Ajax ด้วยค่าตัว 40 ล้านปอนด์(1,801 ล้านบาท) การลงทุนจำนวนมหาศาลขนาดนี้ เป็นเพราะผู้บริหารเชื่อว่า Arteta จะทวงความยิ่งใหญ่ให้ Arsenal อีกครั้งดังยุคทองของ Wenger จะทำได้ตามจริงไหม แฟนทีมปืนใหญ่ต้องติดตามกันในฤดูกาลหน้านี้